ทุกคนทราบกันดีว่า ทุกวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันคริสต์มาส..
…………มีหนึ่งเรื่องที่ถูกหยิบยกกันมาพูดคุยกันจนถึงทุกวันนี้ นั่นคือ คริสต์มาส ทรูซ (Christmas Truce) เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1914 หรือเมื่อ 106 ปีที่แล้ว..
เรื่องราวสำคัญที่โลกจะต้องจารึก กับ “ฟุตบอล” ที่เหลือเชื่อที่สุดตำนาน ไม่เพียงแต่บันทึกเป็นภาษาอังกฤษ ที่เรียกกันว่า The Christmas truce เท่านั้น..
ยังเรียกเป็นภาษาเยอรมนี ว่า Weihnachtsfrieden และถูกยกย่องพร้อมกับเรียกในภาษาฝรั่งเศส ;ว่า Trêve de Noël..
เหตุการณ์การโลกต้องบันทึกเอาไว้ตลอดกาล นั่นก็คือ มีการตกลง”พักรบชั่วคราว”ของทหารอังกฤษและทหารเยอรมัน ซึ่งกำลังรบกันในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1..
ยุติการรบเพื่อมา”เตะฟุตบอล”ด้วยกัน!!!!!..
ในปี 1914 ถือเป็นช่วงเวลาที่”สุกงอม”ที่สุดของการประหักประหารกันในยุโรป..
ด้วยภาระและหน้าที่ กองกำลังทหารนับแสนนายจาก อังกฤษ กับ เยอรมนี และฝรั่งเศส ต้องมาราวีกัน..
อังกฤษ คือฝ่ายสัมพันธมิตร ส่วน เยอรมัน คือฝ่าย มหาอำนาจกลาง ก่อนจะกลายมาเป็นฝ่ายอักษะที่เราคุ้นเคยในกาลต่อมา ในสงครามโลกครั้งที่สอง..
การรบ การพักรบเพื่อมาเตะฟุตบอลในวันคริสต์มาสครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ปี ค.ศ.1914 ทหารของเยอรมนี ได้เริ่มเป็นฝ่ายเจรจาหยุดยิงก่อน..
ทหารผ่านศึกทางฝ่ายอังกฤษ ที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น เปิดเผในกาลต่อมาว่า ในคืนวันคริสต์มาสอีฟ หรือ คืนก่อนวันคริสต์มาส 24 ธันวาคม ท้องฟ้าเหนือสมรภูมิมืดสนิท อากาศอันหนาวเหน็บจากหิมะตกโปรยปราย..
กระทั่งเวลากลางดึกประมาณเที่ยงคืน………
เริ่มมีเสียงเพลงมาจากฝ่ายเยอรมนี เพลงนั้นคือเพลง Silent Night แต่ร้องเป็นเวอร์ชั่นภาษาดอยช์..
นอกจากเสียงเพลงดังกล่าวแล้ว ยังมีแสงเทียนระยับอยู่ตามต้นไม้ ซึ่งเป็นประเพณีของเยอรมันที่จะจุดเทียนและนำไปวางตามต้นไม้ในวันคริสต์มาส..
จากนั้นเสียงเพลงก็เริ่มดังขึ้นจากฝั่งอังกฤษบ้าง เสียงเพลงเริ่มกระจายตัวไปตามแนวรบเรื่อยๆ มีการร้องเพลงสลับรับส่งตลอดแนวรบของทั้งสองฝั่งกันอย่างสนุกสนาน บางช่วงก็มีวงดนตรีเครื่องเป่าต่างๆ เข้ามาร่วมแจมเพลงด้วย..
กระทั่งแสงแรกของวันคริสต์มาส มาถึง……….
พลทหารเยอรมันนายหนึ่ง ได้เดินออกมาพร้อมกับยกมือสองข้าง แสดงความบริสุทธิ์ใจจากแนวรบฝั่งตัวเอง มุ่งหน้าสู่แนวรบอังกฤษ และได้นำขนมเล็กๆ น้อยๆ มามอบให้กับทหารฝ่ายอังกฤษ และเริ่มตะโกนทักทาย “Merry Christmas!…” เป็นภาษาอังกฤษ..
เท่านั้นแหละ จากนั้นก็พูดคุยทักทายกัน แต่ยังไว้เชิงเพราะเกรงว่า จะเป็นกลลวง..
แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพักก็เห็นทหารเยอรมันจำนวนมากทยอยออกมาโดยไม่มีอาวุธใดๆ และไล่จับมือทักทายไปทั่วบริเวณ บรรยากาศจึงดีขึ้นเรื่อยๆ..
ทหารทั้งสองฝ่ายได้มีการนำของขวัญเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่หาได้มามอบให้แก่กันและกัน ไม่ว่าจะเป็น เหล้ารำ ซิการ์ ขนมพุดดิ้ง หรือผลไม้ต่างๆ..
เกมนั้นระบุว่า ทีมทหารเยอรมนี เป็นฝ่ายชนะ 3-2 บางที่บอกว่า เยอรมนี 2-1 แต่บางที่บอก อังกฤษ ชนะ 4-1 แข่งกันบนที่ดินทำการเกษตรผืนดินนั้นเป็นของเมืองแซงต์ อีฟส์ (Saint Yves) ประเทศเบลเยียม..
นอกจากนี้ กัปตัน ซี. ไอ. สต็อคเวลล์ ผู้บัญชาการทหารปืนยาวเวลช์ ได้ออกมาเพื่อดูเหตุการณ์นี้ด้วยตัวเอง และได้เห็นเรื่องราวแปลกประหลาดนี้ จนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง..
กัปตันสต็อคเวลล์ ได้พบกับผู้บัญชาการทหารเยอรมันกับล่าม ซึ่งกล่าวทักทายอย่างฉันมิตรพร้อมกับนำเบียร์มาให้หนึ่งถัง..
กะปิตันแห่งเวลช์ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ของขวัญวันคริสต์มาส บนสนามรบ จึงไม่ได้เตรียมของขวัญมาแลกตามประเพณี..
ด้วยไหวพริบปฏิภาณอันดี จึงสั่งให้พลทหารนำ “พุดดิ้งลูกพลัม” ที่ทำเตรี..ยมไว้มากสำหรับวันคริสต์มาสที่จะให้ทหารตัวเอง
เอามามอบให้กับผู้บัญชาการฝั่งเยอรมนีในทันที..
ทำให้การพักรบนี้ นอกจากจะเป็นการพักมาเตะบอลแล้ว ยังถูกเรียกว่า “ปฏิบัติการพุดดิ้งลูกพลัมวันคริสต์มาส”อีกด้วย………..
ส่วนรุ่งเช้าอีกวัน…..ทั้งสองฝ่ายก็กลับมารบกันอีกคราตามหน้าที่………
ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากจะมีการพบปะสังสรรค์กันแล้ว ก็จะให้มีการนำศพผู้เสียชีวิตในเขตพื้นที่ No Man’s Land ไปฝั่งให้ถูกต้องตามประเพณีด้วย..
“It is not us, but our countries that are enemies”…..ประเทศของเราเป็นศัตรูกันแต่เราไม่ใช่………
คำนี้คลาสสิกที่สุดจริง ๆ
